top of page

Open Space Design ออกแบบบ้านโปร่งโล่งและทันสมัย

ออกแบบบ้านโปร่งโล่งและทันสมัย

การออกแบบบ้านสไตล์ Open Space ได้รับความนิยมเพราะช่วยให้พื้นที่ดูกว้าง โปร่งโล่ง และทันสมัยพร้อมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภายในและภายนอก แนวคิดนี้ไม่เพียงเพิ่มความสวยงามแต่ยังทำให้การใช้งานพื้นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น


การจัดวางพื้นที่ให้บ้านโปร่งโล่ง

การจัดวางพื้นที่แบบ Open Plan ในบ้านสไตล์ Open Space

แนวคิดการออกแบบที่เน้นความต่อเนื่อง โปร่งโล่ง และกว้างขวาง โดยลดการใช้ผนังทำให้แต่ละโซนเชื่อมต่อกันอย่างกลมกลืนบ้านดูทันสมัยและใช้งานพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


หลักการออกแบบพื้นที่แบบ Open Plan

  • การจัดวางพื้นที่ให้มีความเชื่อมโยง เชื่อมต่อห้องนั่งเล่นห้องรับประทานอาหารและห้องครัวไว้ในบริเวณเดียวกันไม่มีผนังกั้นช่วยให้บ้านดูกว้างขึ้น ลดความอึดอัดและสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น

  • พื้นที่โล่งง ช่วยเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ง่ายเหมาะสำหรับบ้านขนาดเล็กที่ต้องการความกว้างขวางโดยใช้เฟอร์นิเจอร์แบ่งโซนห้องนั่งเล่นห้องครัวและห้องรับประทานอาหารแทนผนังกั้น


การใช้เทคนิควัสดุและสีเพื่อให้บ้านโปร่งโล่ง

การใช้เทคนิควัสดุและสีเพื่อให้บ้านโปร่งโล่ง

การเลือกวัสดุและสีมีผลต่อความรู้สึกของพื้นที่บ้านสไตล์ Open Space เน้นวัสดุที่เพิ่มความสว่างและโปร่งโล่งพร้อมใช้โทนสีที่ช่วยให้พื้นที่ดูกว้างสบายตาและน่าอยู่


การเลือกสีเพื่อเพิ่มความโปร่งโล่ง

  • โทนสีอ่อนช่วยให้บ้านดูกว้างขึ้น ให้บ้านโปร่งโล่งสะท้อนแสงและทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้นสีขาวและครีมเพิ่มความสว่าง สีเทาอ่อนเสริมความโมเดิร์น สีเบจและไม้ธรรมชาติให้ความอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ

  • การใช้สีแบบโมโนโครมเพื่อความกลมกลืน การใช้สีโทนเดียวกันทั่วบ้านช่วยให้พื้นที่ดูต่อเนื่อง โล่งขึ้นและกลมกลืนโดยเลือกเฉดสีเดียวกันสำหรับผนัง เฟอร์นิเจอร์ และพื้น เพื่อลดความรู้สึกแคบ

  • การใช้สีเข้มอย่างเหมาะสม แม้สีเข้มทำให้บ้านดูแคบลงแต่หากใช้ในบางจุด เช่น ผนัง Accent Wall หรือเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นจะเพิ่มมิติและความลึกทำให้บ้านดูมีสไตล์และไม่จืดชืดเกินไป


วัสดุที่ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งในบ้าน

  • วัสดุโปร่งแสงและสะท้อนแสง ช่วยให้บ้านดูกว้างขึ้น เช่น กระจกและกระจกเงาเพิ่มมิติ อะคริลิกใสใช้เป็นฉากกั้นลดความอึดอัด โลหะและสแตนเลสเสริมความโมเดิร์นและเพิ่มความสว่าง

  • วัสดุจากธรรมชาติเพื่อความอบอุ่น ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและสมดุลไม้สีอ่อนใช้กับพื้นผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ให้กลมกลืนหินอ่อนเพิ่มความหรูหราผ้าลินินและผ้าฝ้ายทำให้บ้านดูนุ่มนวล

  • วัสดุแบบเปิดโล่งและโปร่งเบา วัสดุโปร่งช่วยให้บ้านไม่อึดอัด เช่น ฉากระแนงไม้แทนผนังทึบให้บ้านดูโล่งตาข่ายโลหะหรือฉากกั้นโปร่งแบ่งพื้นที่โดยไม่ทำให้บ้านแคบลง


เทคนิคการเลือกวัสดุและสีให้เหมาะกับพื้นที่ต่างๆ

  • ห้องนั่งเล่น ใช้สีขาวหรือสีอ่อนบนผนังเพื่อเพิ่มความสว่างเลือกพื้นไม้สีอ่อนหรือกระเบื้องลายหินอ่อนเพื่อให้บ้านดูโล่งใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีขาโปร่ง เช่น โซฟาที่มีขาไม้แทนโซฟาทรงตัน

  • ห้องครัว ใช้ตู้ครัวสีอ่อน เช่น สีขาวหรือสีครีมเพื่อให้ครัวดูไม่อึดอัดใช้วัสดุสะท้อนแสง เช่น ท็อปครัวหินควอตซ์หรือกระเบื้องเงาใช้ไฟ LED ซ่อนใต้ชั้นวางเพื่อเพิ่มมิติให้ห้องครัว

  • ห้องนอน ใช้สีพาสเทลอ่อนๆ เช่น สีฟ้า สีเบจ หรือสีชมพูอ่อนเพื่อให้รู้สึกสบายใช้ม่านโปร่งแสงเพื่อให้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาได้วางกระจกเงาไว้ในตำแหน่งที่ช่วยสะท้อนแสงและเพิ่มมิติให้ห้อง

  • ห้องน้ำ ใช้กระจกขนาดใหญ่เพื่อทำให้ห้องน้ำดูไม่อึดอัดใช้กระเบื้องสีขาวหรือสีอ่อนเพื่อให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นเลือกใช้ฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกใสแทนม่านพลาสติก


การเชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกด้วยแสงธรรมชาติ

การเชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกด้วยแสงธรรมชาติให้บ้านโปร่งโล่ง

แสงธรรมชาติเป็นองค์ประกอบสำคัญของบ้านสไตล์ Open Space ช่วยให้บ้านดูกว้าง โปร่งโล่ง เชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกลดการใช้พลังงานและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย


ประโยชน์ของแสงธรรมชาติในบ้าน

  • ช่วยให้บ้านดูกว้างและโปร่งโล่งขึ้น แสงธรรมชาติช่วยลดเงามืดทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้นบ้านที่มีหน้าต่างหรือช่องแสงเหมาะสมจะให้ความรู้สึกเปิดกว้างและไม่อึดอัด

  • ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า การรับแสงธรรมชาติช่วงกลางวันช่วยลดการใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะในห้องนั่งเล่นห้องรับประทานอาหารและห้องทำงานที่สามารถใช้แสงแดดแทนแสงไฟได้

  • เชื่อมโยงพื้นที่ภายในกับภายนอก บ้านที่มีช่องเปิดขนาดใหญ่ เช่น ประตูบานเลื่อนหรือกระจกสูงช่วยให้พื้นที่ภายในกลมกลืนกับภายนอกเพิ่มความเป็นธรรมชาติและความสดชื่น

  • ส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี แสงแดดช่วยกระตุ้นวิตามิน D เสริมภูมิคุ้มกันปรับอารมณ์ ลดความเครียดและทำให้บ้านดูอบอุ่นน่าอยู่มากขึ้น


วิธีการออกแบบบ้านให้เชื่อมต่อกับแสงธรรมชาติ

  • ติดตั้งหน้าต่างบานใหญ่และประตูบานเลื่อนกระจก ช่วยรับแสงธรรมชาติทำให้บ้านดูกว้างขึ้น ใช้กระจกใสหรือกันความร้อนลดแสงจ้าเพิ่มหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานในจุดที่ต้องการแสง เช่น โถงทางเดินหรือห้องรับแขก

  • ติดตั้ง Skylight หรือช่องแสงบนหลังคา ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าถึงบริเวณไม่มีหน้าต่าง เช่น ห้องน้ำ โถงบันได หรือห้องครัว กระจายแสงทั่วพื้นที่ลดการใช้ไฟฟ้าและสามารถใช้กระจกปรับระดับแสงเพื่อลดความร้อนกลางวัน

  • ฉากกั้นโปร่งแสงแทนผนังทึบ ฉากกั้นระแนงไม้หรือกระจกฝ้าช่วยให้แสงผ่านได้โดยยังคงความเป็นส่วนตัวผนังกระจกภายในช่วยกระจายแสงไปยังห้องที่อยู่ลึกทำให้บ้านสว่างขึ้น

  • ม่านโปร่งแสงหรือบานเกล็ดปรับแสง ม่านโปร่งช่วยกรองแสงให้บ้านสว่างแต่ไม่ร้อนเกินไป บานเกล็ดไม้ปรับองศาแสงได้ตามต้องการควบคุมแสงได้อย่างเหมาะสม

  • กระจกเงาเพื่อกระจายแสง ทำให้บ้านดูกว้างขึ้นติดตั้งกระจกเงาตรงข้ามหน้าต่างเพื่อสะท้อนแสงไปยังส่วนอื่นของบ้านใช้กระจกเงาขนาดใหญ่ในโถงทางเดินหรือหลังโซฟาเพื่อเพิ่มมิติให้พื้นที่

  • การปรับสมดุลแสงธรรมชาติและความเป็นส่วนตัว โดยติดฟิล์มกรองแสงที่หน้าต่างทิศตะวันตกหรือทิศตะวันออกปลูกต้นไม้หรือฉากบังแดดเพื่อกรองแสงและใช้ม่านสองชั้นปรับแสงได้ตลอดวัน


การเลือกเฟอร์นิเจอร์และการจัดวางอย่างมีประสิทธิภาพ

การเลือกเฟอร์นิเจอร์และการจัดวางเพื่อให้บ้านโปร่งโล่ง

บ้านสไตล์ Open Space Concept เน้นความโปร่งโล่งและใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าการเลือกเฟอร์นิเจอร์และการจัดวางที่มีประสิทธิภาพช่วยให้บ้านดูกว้างสบายตาและใช้งานได้เต็มที่


เลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับบ้านสไตล์ Open Space

  • เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์เรียบง่ายและโปร่งเบา เลือกเฟอร์นิเจอร์ขนาดพอดีและโครงสร้างโปร่งเบา เช่น โซฟาขาโปร่งแทนทรงตัน โต๊ะกลางกระจกหรือไม้แบบโล่งและชั้นวางของเปิดโล่งหรือติดผนังเพื่อลดความอึดอัดและทำให้บ้านดูโล่งขึ้น

  • เฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชันช่วยประหยัดพื้นที่ ควรใช้เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ เช่น โซฟาเบดปรับเป็นที่นอน โต๊ะพับหรือปรับระดับใช้ได้ทั้งทำงานและรับประทานอาหารและชั้นวางของแบบ Built-in เพื่อประหยัดพื้นที่และทำให้บ้านเป็นระเบียบ


เทคนิคการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้บ้านดูโปร่งโล่ง

  • จัดวางตามแนวเปิดโล่ง จัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้มีทางเดินต่อเนื่องและไม่อุดตันควรวางแบบเปิดโล่งไม่ขวางเส้นทางหลีกเลี่ยงการชิดผนังทั้งหมดเว้นระยะให้บ้านดูมีมิติและใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่ปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ง่าย

  • รักษาสมดุลของเฟอร์นิเจอร์ในแต่ละโซน กระจายเฟอร์นิเจอร์ให้สมดุลไม่หนักที่มุมใดมุมหนึ่ง เลือกขนาดพอเหมาะ เช่น โต๊ะกาแฟเล็กแทนโต๊ะใหญ่และจัดวางให้มุมมองภายในบ้านดูกว้างขึ้น


ตัวอย่างการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในบ้านสไตล์ Open Space

  • โซนนั่งเล่น วางโซฟาลอยตัวที่ไม่ติดผนังเพื่อให้พื้นที่ดูมีมิติใช้โต๊ะกลางแบบกระจกหรือโล่งโปร่งเพื่อลดความรู้สึกอึดอัดเพิ่มพรมพื้นที่ใหญ่ใต้โซฟาเพื่อกำหนดขอบเขตของพื้นที่นั่งเล่น

  • โซนรับประทานอาหาร ใช้โต๊ะอาหารขนาดพอเหมาะกับจำนวนสมาชิกในบ้านเลือกเก้าอี้ที่มีดีไซน์โปร่งเบา เช่น เก้าอี้ไม้หรือเก้าอี้โลหะใช้โคมไฟแขวนเหนือโต๊ะอาหารเพื่อสร้างจุดโฟกัสของห้อง

  • โซนครัว ใช้เคาน์เตอร์ครัวแบบเปิดที่มีพื้นที่เก็บของใต้เคาน์เตอร์ติดตั้งชั้นวางของติดผนังเพื่อลดการใช้ตู้ขนาดใหญ่ใช้เก้าอี้บาร์สูงที่สามารถเลื่อนเก็บใต้เคาน์เตอร์ได้

  • โซนทำงาน ใช้โต๊ะทำงานแบบมินิมอลที่มีลิ้นชักเก็บของวางโต๊ะทำงานใกล้หน้าต่างเพื่อรับแสงธรรมชาติใช้ชั้นวางของแบบ Built-in เพื่อลดการใช้พื้นที่บนพื้น


สรุป

การออกแบบบ้านสไตล์ Open Space Design เน้นความโปร่งโล่งทันสมัยและใช้พื้นที่คุ้มค่าโดยลดผนังกั้นเชื่อมต่อพื้นที่หลักให้ต่อเนื่องใช้วัสดุและสีโทนสว่างเพิ่มมิติและความกว้างพร้อมเปิดรับแสงธรรมชาติผ่านหน้าต่างประตูบานเลื่อนหรือ Skylight เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เรียบง่ายฟังก์ชันหลากหลายและชั้นวางของ Built-in ช่วยให้บ้านเป็นระเบียบและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนวคิดนี้ไม่เพียงทำให้บ้านดูกว้างและทันสมัยแต่ยังสร้างบรรยากาศสบายผ่อนคลายและรองรับการใช้งานที่ยืดหยุ่นเหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่ต้องการพื้นที่โปร่งโล่งและเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว

留言


บริการทั้งหมด

สำรวจพื้นที่ให้คำปรึกษา
ออกแบบภายใน
ออกแบบห้องนอน

สินค้า

Bed room set
TV Wall set
Warddrobe set

ติดต่อสอบถาม

แจ้งปัญหา
ปรึกษาปัญหา
ประเมินราคาเบื้องต้น
ออกแบบภายในบ้าน
ออกแบบห้องครัว
ออกแบบห้องนั่งเล่น
ตกแต่งภายใน

CONWENIENT

633/1 ถ.สาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา  กรุงเทพมหานคร 10120

qrcode

Tel.093-4241559 / 063-8960577

Fb.facebook/conwenient.com

www.conwenient.com

Copyright © 2022 clinicdeccor.com All Rights Reserved
bottom of page